กล้องหลังในมือถือ: ทุกอย่างที่คุณต้องรู้

สมาร์ทโฟนเปลี่ยนโฉมวิธีการเก็บบันทึกช่วงเวลาในชีวิตด้วยภาพถ่ายความละเอียดสูง หากคุณต้องการรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้องหลังที่เป็นหัวใจของสมาร์ทโฟนเหล่านี้ บล็อกนี้คือคำตอบ! เราจะพาคุณเจาะลึกเทคโนโลยีในกล้องหลัง ประเภทกล้องหลังที่หลากหลายในสมาร์ทโฟน และท้ายที่สุด การเลือกแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ เตรียมตัวเรียนรู้และเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับกล้องมือถือไปด้วยกัน

กล้องหลังในโทรศัพท์คืออะไร?

กล้องหลังในโทรศัพท์ ซึ่งเรียกอีกชื่อว่ากล้องหลัก เป็นเซนเซอร์กล้องหลักที่อยู่ด้านหลังของเครื่อง ถือเป็นกล้องหลักที่ผู้ใช้มักใช้ในการถ่ายภาพและวิดีโอ ตัวกล้องถูกวางไว้ที่ด้านหลังเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเล็งกล้องไปยังวัตถุได้สะดวกขณะจัดองค์ประกอบภาพ

สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จำนวนมากมาพร้อมกล้องหลังหลายตัวที่มีฟีเจอร์และความสามารถแตกต่างกัน กล้องแต่ละตัวอาจมีเลนส์ ความละเอียด และเซนเซอร์ที่ต่างกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้หลากหลายรูปแบบ

ประเภทกล้องหลังที่แตกต่างกันของสมาร์ทโฟน

สมาร์ทโฟนมักมาพร้อมกล้องหลังหลายประเภท โดยแต่ละประเภทถูกออกแบบเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันและเสริมประสบการณ์การถ่ายภาพและวิดีโอให้ดียิ่งขึ้น ต่อไปนี้คือกล้องหลังประเภทที่พบบ่อยในสมาร์ทโฟน:

กล้องหลัก

●วัตถุประสงค์: กล้องหลักสำหรับการถ่ายภาพทั่วไปซึ่งมีผลต่อคุณภาพของภาพโดยรวมของสมาร์ทโฟนอย่างมีนัยสำคัญ

●คุณสมบัติ: สเปคที่สมดุล เช่น ระยะโฟกัสและความละเอียดในระดับที่เหมาะสม

กล้องมุมกว้าง (Wide-Angle Camera)

●วัตถุประสงค์: เก็บภาพมุมมองที่กว้าง เหมาะสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์ ภาพหมู่ หรือภาพสถาปัตยกรรม

●คุณสมบัติ: มักมาพร้อมทางยาวโฟกัสต่ำ ทำให้มุมมองภาพกว้างขึ้น

กล้องอัลตร้าไวด์ (Ultra-Wide Camera)

●วัตถุประสงค์: ให้มุมมองที่กว้างกว่ากล้องไวด์ทั่วไป เปิดโอกาสให้สร้างสรรค์มุมมองใหม่ ๆ และเก็บภาพได้มากขึ้นในเฟรมเดียว

●คุณสมบัติ: ระยะโฟกัสสั้นและเลนส์มุมกว้าง

กล้องเทเลโฟโต้ (Telephoto Camera)

●วัตถุประสงค์: มอบฟังก์ชันซูมแบบออปติคอล ให้คุณซูมภาพวัตถุที่อยู่ไกลโดยไม่สูญเสียคุณภาพ

●คุณสมบัติ: ทางยาวโฟกัสสูง ซูมออปติคอล และในบางรุ่นมีซูมไฮบริดหรือดิจิตอล

กล้องมาโคร (Macro Camera)

●วัตถุประสงค์: ออกแบบมาเพื่อถ่ายภาพระยะใกล้ ให้คุณเก็บรายละเอียดวัตถุขนาดเล็กได้อย่างครบถ้วน

●คุณสมบัติ: ระยะโฟกัสสั้นและเซนเซอร์ความละเอียดสูงสำหรับถ่ายภาพระยะใกล้

เซนเซอร์วัดระยะหรือกล้อง Time-of-Flight (ToF)

●วัตถุประสงค์: วัดระยะห่างระหว่างกล้องและวัตถุในฉาก เพื่อสร้างมิติความลึกสำหรับเอฟเฟกต์อย่างโหมดพอร์ตเทรตและระบบ AR

●คุณสมบัติ: คำนวณระยะลึกด้วยเซนเซอร์อินฟราเรดหรือเทคโนโลยีอื่น ๆ

กล้องโมโนโครมหรือขาวดำ (Monochrome Camera)

●วัตถุประสงค์: เก็บภาพขาวดำที่มีความคมชัดและรายละเอียดสูง

●คุณสมบัติ: มักมาพร้อมเซนเซอร์ความละเอียดสูงที่ออกแบบเฉพาะสำหรับการถ่ายภาพขาวดำ

กล้อง Periscope หรือกล้องซ่อนเลนส์

●วัตถุประสงค์: ทำให้สมาร์ทโฟนสามารถติดตั้งกล้องซูมออปติคอลประสิทธิภาพสูง โดยไม่ต้องเพิ่มความหนาของเครื่องมากเกินไป

●คุณสมบัติ: ใช้การจัดวางแบบกล้องซ่อนเลนส์เพื่อพับชุดเลนส์และขยายพลังซูม

ผู้ผลิตแต่ละรายอาจเลือกใช้กล้องหลังประเภทต่าง ๆ ร่วมกัน เพื่อมอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่หลากหลาย โดยคุณสมบัติเฉพาะของแต่ละกล้องจะขึ้นอยู่กับรุ่นและแบรนด์ของสมาร์ทโฟนนั้น ๆ

วิธีใช้กล้องหลังของสมาร์ทโฟน

เมื่อคุณเข้าใจแล้วว่ากล้องหลังของสมาร์ทโฟนคืออะไรและมีประเภทใดบ้าง มาดูกันว่าคุณสามารถใช้งานกล้องหลังของสมาร์ทโฟนได้อย่างไร:

การใช้งานพื้นฐาน

1. เข้าแอปกล้อง: ค้นหาแอปกล้องในสมาร์ทโฟนของคุณ โดยปกติจะเป็นไอคอนกล้องบนหน้าจอหลักหรือในโฟลเดอร์แอป

2. เปิดแอปกล้อง: แตะที่ไอคอนกล้องเพื่อเปิดแอปกล้อง สมาร์ทโฟนบางรุ่นสามารถเข้าถึงกล้องได้โดยตรงจากหน้าจอล็อกด้วยการปัดหรือใช้ทางลัด

3. จัดตำแหน่งกล้อง: ถือสมาร์ทโฟนโดยหันกล้องหลังไปยังวัตถุที่คุณต้องการถ่ายภาพ จับเครื่องให้มั่นคงเพื่อหลีกเลี่ยงการสั่นไหว

4. ถ่ายภาพ: กดปุ่มชัตเตอร์บนหน้าจอเพื่อถ่ายรูป สมาร์ทโฟนบางรุ่นสามารถใช้ปุ่มกดได้ เช่น ปุ่มปรับเสียง ในการถ่ายภาพได้เช่นกัน

การใช้งานขั้นสูง

5. โฟกัส: แตะบนหน้าจอในบริเวณที่คุณต้องการให้กล้องโฟกัส สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่มีระบบออโต้โฟกัสที่จะปรับโฟกัสโดยอัตโนมัติ

6. สลับโหมดการถ่ายภาพ: สำรวจโหมดกล้องต่างๆ ตามความต้องการของคุณ เช่น ถ่ายภาพ วิดีโอ พาโนรามา พอร์ตเทรต และอื่นๆ โดยเปลี่ยนโหมดด้วยการปัดหรือเลือกจากตัวเลือกที่มี

7. ซูมเข้า/ออก (ถ้ามี): หากสมาร์ทโฟนของคุณรองรับการซูม ให้ใช้แถบควบคุมบนหน้าจอเพื่อซูมเข้าออก บางรุ่นจะซูมผ่านเลนส์หลายตัว ขณะที่บางรุ่นเป็นการซูมแบบดิจิทัล

8. บันทึกวิดีโอ: เมื่อต้องการถ่ายวิดีโอให้เปลี่ยนไปยังโหมดวิดีโอและกดปุ่มบันทึก คุณสามารถหยุดชั่วคราวและบันทึกต่อภายในวิดีโอเดียวกันได้

9. ตรวจสอบและแก้ไข: หลังจากถ่ายรูปหรือวิดีโอ สามารถดูได้ด้วยการแตะที่ไอคอนแสดงตัวอย่าง แอปกล้องจำนวนมากมีเครื่องมือแก้ไขภาพพื้นฐาน เช่น ครอปภาพ ปรับความสว่าง หรือใส่ฟิลเตอร์

10. ใช้งานฟีเจอร์เพิ่มเติม: สำรวจฟีเจอร์เสริม เช่น HDR (High Dynamic Range), โหมดกลางคืน หรือการปรับค่าต่างๆ แบบแมนนวล ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟนของคุณ

11. ทดลองใช้เลนส์ต่างๆ (ถ้ามี): หากสมาร์ทโฟนมีเลนส์กล้องหลังมากกว่า 1 ตัว (เช่น เลนส์มุมกว้าง เลนส์เทเลโฟโต้ เป็นต้น) คุณสามารถทดลองใช้แต่ละเลนส์เพื่อได้มุมมองและรูปแบบการถ่ายภาพที่หลากหลาย

12. ตั้งเวลาถ่ายภาพและโหมดถ่ายรัว: ใช้ตัวตั้งเวลาสำหรับการถ่ายดีเลย์ หรือโหมดถ่ายรัวสำหรับการถ่ายภาพต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว

โปรดทราบว่าแต่ละขั้นตอนอาจแตกต่างกันไปบ้างขึ้นอยู่กับรุ่นของสมาร์ทโฟน เรียนรู้และทำความรู้จักกับแอปกล้องและฟีเจอร์ต่างๆ เพื่อใช้งานกล้องหลังสมาร์ทโฟนได้อย่างเต็มที่

กล้องหลังแบบไหนที่คุณควรมีในสมาร์ทโฟน?

กล้องหลังในสมาร์ทโฟนมีจุดประสงค์การใช้งานที่หลากหลาย การเลือกกล้องหลังที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล นี่คือแนวทางที่ควรพิจารณาตามการใช้งานที่แตกต่าง:

1. ถ่ายภาพทั่วไป: หากคุณชอบถ่ายภาพวิว บุคคล หรือเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน ควรเลือกสมาร์ทโฟนที่มีกล้องหลักอเนกประสงค์ (เลนส์ไวด์หรือเลนส์มาตรฐาน) และความละเอียดที่ดี (12MP ขึ้นไป)

2. ถ่ายภาพกลางแจ้งและภาพทิวทัศน์: สมาร์ทโฟนที่มีเลนส์มาตรฐานร่วมกับเลนส์มุมกว้างพิเศษ (ultra-wide) จะถ่ายภาพวิวกว้างได้ดี ควรมองหาสมาร์ทโฟนที่มีไดนามิกเรนจ์และความแม่นยำของสีที่ดี

3. ถ่ายภาพระยะใกล้ (มาโคร): เลือกสมาร์ทโฟนที่มีเลนส์มาโครโดยเฉพาะ หรือกล้องความละเอียดสูงที่มีระยะโฟกัสที่ดี บางรุ่นใช้งานเลนส์มุมกว้างพิเศษเพื่อถ่ายมาโครได้

4. ถ่ายภาพคน (Portrait): สำหรับการถ่ายพอร์ตเทรต กล้องคู่หรือสามเลนส์ที่มีเซ็นเซอร์วัดระยะหรือเลนส์หลักความละเอียดสูงถือว่ามีประโยชน์มาก สมาร์ทโฟนบางรุ่นสามารถสร้างเอฟเฟกต์โบเก้ธรรมชาติได้ด้วยซอฟต์แวร์

5. การถ่ายวิดีโอและสร้างคอนเทนต์: สมาร์ทโฟนที่โดดเด่นเรื่องวิดีโอจึงสำคัญ มองหาคุณสมบัติอย่างการบันทึกวิดีโอ 4K ระบบกันสั่น OIS และกล้องหน้าที่คุณภาพวิดีโอดีสำหรับถ่าย Vlog

อย่าลืมว่าสเปกกล้องเพียงอย่างเดียวไม่สามารถการันตีคุณภาพของภาพถ่ายได้ คุณภาพเลนส์ ซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพ และปัจจัยอื่นๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน เมื่อพิจารณาความต้องการด้านการถ่ายภาพที่หลากหลาย HONOR Magic5 Pro คือทางเลือกที่โดดเด่นสำหรับผู้รักการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ

โดดเด่นด้วยกล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่ เลนส์ไวด์ เลนส์มุมกว้างพิเศษ และเลนส์ Periscope เทเลโฟโต้ ทำให้คุณเลือกสรรสไตล์การถ่ายภาพได้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมฟีเจอร์ทรงพลัง เช่น การบันทึกวิดีโอ 4K กับระบบกันสั่น OIS, HONOR Magic5 Pro จึงตอบโจทย์ทั้งการถ่ายภาพ การถ่ายวิดีโอ Vlog และการสร้างสรรค์คอนเทนต์อย่างครบครัน

บทสรุป

โดยรวมแล้ว การเข้าใจว่า 'กล้องหลัง' คืออะไรในโทรศัพท์มือถือ และรู้ว่าคุณต้องการกล้องหลังแบบไหนในสมาร์ทโฟนเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างภาพมืออาชีพหรือแค่ต้องการถ่ายภาพในช่วงเวลาสำคัญ คุณภาพและฟีเจอร์ของกล้องหลังเป็นหนึ่งปัจจัยในการพิจารณา เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่เสมอ แต่หากรู้เกี่ยวกับประเภทของกล้องหลังแล้ว การเลือกสมาร์ทโฟนที่มีกล้องดี ๆ ก็จะง่ายขึ้น

คำถามที่พบบ่อย

ทำไมโทรศัพท์ถึงมีกล้องหลัง 3 ตัว?

สมาร์ทโฟนมีกล้องหลัง 3 ตัวเพื่อเพิ่มความหลากหลายและประสิทธิภาพในการถ่ายภาพ แต่ละเลนส์มีหน้าที่เฉพาะ: กล้องหลักสำหรับถ่ายภาพทั่วไป เลนส์มุมกว้างพิเศษสำหรับภาพมุมกว้าง และเลนส์เทเลโฟโต้สำหรับซูม ระบบกล้องทั้งสามนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายสถานการณ์ ตั้งแต่ภาพทิวทัศน์กว้างไปจนถึงภาพระยะใกล้ ให้ระบบกล้องที่ครบครันและปรับใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น

อะไรคือความแตกต่างระหว่างกล้องหน้าและกล้องหลังในโทรศัพท์?

ความแตกต่างหลักของกล้องหน้าและกล้องหลังอยู่ที่การใช้งาน กล้องหลังซึ่งอยู่ด้านหลังของโทรศัพท์ ออกแบบมาเพื่อถ่ายภาพสิ่งรอบตัวคุณ โดยมักจะมีความละเอียดสูงกว่าและมีหลายเลนส์เพื่อรองรับหลายสถานการณ์การถ่ายภาพ ในทางกลับกัน กล้องหน้าซึ่งอยู่ด้านหน้าของโทรศัพท์ เหมาะสำหรับเซลฟี่และวิดีโอคอล แม้ว่าคุณภาพของกล้องหน้าจะดีขึ้นมากแล้ว แต่โดยทั่วไปกล้องหลังยังคงมีฟีเจอร์มากกว่า

ทำไมโทรศัพท์ของฉันมีกล้อง 3 ตัวแต่ใช้งานได้เพียงตัวเดียว?

หากสมาร์ทโฟนของคุณมีกล้อง 3 ตัวแต่พบว่าใช้งานได้แค่กล้องเดียว ส่วนใหญ่กล้องหลักจะเป็นกล้องเดียวที่ทำงานอย่างอิสระ ส่วนกล้องอีกสองตัวนั้นจะทำงานตามสถานการณ์หรือโหมดเฉพาะ เช่น เลนส์เทเลโฟโต้สำหรับซูมหรือเลนส์มุมกว้างสำหรับภาพกว้าง โดยปกติแล้ว เลนส์เหล่านี้จะถูกใช้งานเมื่อเข้าสู่โหมดกล้องที่เหมาะสมเท่านั้น หากไม่แน่ใจ แนะนำให้ตรวจสอบคู่มือการใช้งานหรือสำรวจการตั้งค่ากล้องเพื่อเข้าใจและใช้งานฟีเจอร์ของแต่ละเลนส์ได้อย่างเต็มที่

ที่มา: HONOR Club